ดีไซเนอร์ไทย Vickteerut (วิก-ธีร์รัฐ)


แบรนด์ Vickteerut 



วิก-ธีร์รัฐ เจ้าของแบรนด์ Vickteerut
https://www.pinterest.com/pin/343399540310864240/

          เสื้อผ้าแบรนด์ไทยสไตล์อินเตอร์ (วิก-ธีร์รัฐ์ ว่องวัฒนะสิน) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ของคนไทย ที่มีสไตล์เรียบหรูใส่ได้ในชีวิตจริง วิก-ธีร์รัฐ จบด้านแฟชั่นจาก "เซ็นทรัล เซนต์ มาร์ตินส์ คอลเลจ ออฟ อาร์ต แอนด์ ดีไซน์" ประเทศอังกฤษ สาขาเสื้อผ้าสุภาพสตรี (Women Wear) โดยที่ก่อนหน้านี้เคยเรียนพื้นฐานการออกแบบที่ "อเคเดเมีย อิตาเลียนา" (Acedemia Italiana) ประเทศอิตาลี Vickteerut เคยมีผลงานในช่วง ELLE Fashion Week  เมื่อปี 2005 ผลงานของ Vickteerut ได้รับการตอบรับที่ดีจากบรรดา เซเลป ดารา และคนดังในวงสังคม รวมไปถึงเหล่าแฟชั่นนิสต้า


วิก-ธีร์รัฐ
thaicatwalk.com








EFW'15-Vickteerut S/S 15, Spirited Away
thaicatwalk.com


ล้มได้ก็ลุกได้ ประสบการณ์ชีวิตของ Vickteerut

19823-007
19823-004
ผลงานที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
http://www.lady108.com/19823/vickteeru


          Vickteerut เคยประสบปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการจนต้องหยุดธุรกิจไป 1 ปี หลังจากนั้น "คุณวิน-วีรกฤติ ว่องวัฒนะสิน" พี่ชายได้เข้ามาช่วยบริหารจัดการจึงทำให้แบรนด์ Vickteerut กลายเป็นแบรนด์ที่ เซเลบริตี้ ในสังคมไทยหลาย ๆ คน กล่าวถึงจนในทุกวันนี้มีสาขามากกว่า 4 สาขา








          วิก-ธีร์รัฐ เล่าว่า "ตอนที่กลับมาทำคอลเลคชั่นใหม่ ไม่ได้มีเงินทำมาร์เกตติ้งเยอะ แต่โชคดีที่มีเพื่อน ๆ และคนรู้จักที่เขาชอบสไตล์ของเราเป็นลูกค้า คราวนี้ก็เป็นเรื่องของปากต่อปาก อีกอย่างอาจเป็นเพราะเสื้อผ้าที่เราออกแบบเป็นแนวที่คนชอบ และเป็นแนวที่ใหม่ยังไม่มีด้วย คนเลยให้ผลตอบรับดี







          หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงาม วิก-ธีร์รัฐ ได้สั่งสมแรงบันดาลใจใหม่ จนกระทั่งเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าลำลอง สำหรับบุรุษ และสตรี  "วิคส์" (VICK's) ที่ตรงกับวิถีชีวิตคนยุคใหม่ที่ดูดีได้ใน
ทุกวัน 




เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่
http://women.sanook.com


เสื้อผ้าลำลองในแบรนด์ VICK.'S
http://women.sanook.com/26893/











เขียนโดย ผศ.ฤดี  หลิมไพโรจน์













สนใจเสื้อผ้าแบรนด์ Ruedee เข้าชมได้ที่

website:www.fashionddshop.com
Facebook:Ruedee limpairoj
FanPage:Designed by Ruedee
Group:เสื้อผ้าเรียบหรู
Line:ruedee_limpairoj
Instagram:designed_by_ruedee
Phone:081-6381535



แบรนด์ Sretsis แบรนด์ไทยที่ดังระดับโลก


แบรนด์ Sretsis (อ่านว่าสเรตซิส)

          เป็นแบรนด์ไทยที่ดังไกลระดับโลก เริ่มต้นจากการที่ 3 พี่น้องตระกูล "สุขะหุต" ประกอบด้วย คล้ายเดือน (อิ๊บ) พี่สาวคนโต พิมพ์ดาว (เอ๋ย) พี่สาวคนกลาง และ มทินา (แอ้) น้องสาวคนสุดท้อง มีความชอบในเรื่องแฟชั่น อันได้แก่เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ได้ร่วมกันทำแบรนด์ดังกล่าวขึ้นมา หลายคนคงสงสัยว่าคำว่า Sretsis  หมายถึงอะไร จากคำบอกเล่าของพิมพ์ดาว เธอบอกว่ามาจากคำว่า Sister ซึ่งแปลว่าพี่น้อง เลยนำเอาคำนี้มาจัดวางใหม่จึงกลายเป็นแบรนด์ Sretsis



3 สาว Sretsis ตอบโจทย์ความสำเร็จธุรกิจแฟชั่นไทยโกอินเตอร์
3 พี่น้องตระกูล "สุขะหุต"
http://www.manager.co.th/Celebonline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000136450

          การทำงานของแบรนด์ Sretsis ได้มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดย คล้ายเดือน รับผิดชอบเรื่องการบริหารจัดการทุกอย่าง ควบคุมการทำงานทั้งหมด ส่วน พิมพ์ดาว เป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้า ในขณะที่มทินา เป็นผู้ดีไซน์เครื่องประดับ โดยใช้ชื่อแบรนด์ของเครื่องประดับว่า "มาติน่า อมานิต้า" (Matina Amanita)


แบรนด์เครื่องประดับ Matina Amanita
http://www.globalfashionreport.com/a346637-matina-amanita

          จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ธุรกิจแฟชั่น

                    หลังจากที่ 3 พี่น้องเริ่มทำแบรนด์ได้ไม่นาน ประเทศไทยก็ตื่นตัวด้านแฟชั่นจนเกิดโครงการ "Bangkok Fashion City" โดย Sretsis ได้นำผลงานออกเทรดโชว์ กับโครงการดังกล่าว และได้ไปเทรดโชว์ที่ปารีสด้วย ทำให้แบรนด์ Sretsis มีเอเจนต์มาติดต่อให้ไปวางขายในโชว์รูมที่ นิวยอร์ค ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มของการทำธุรกิจอย่างจริงจัง เนื่องจากในโชว์รูมจะเป็นการนำตัวอย่างสินค้าของหลาย ๆ แบรนด์ไปโชว์ เพื่อให้บายเออร์จากทั่วโลกไปเลือกและสั่งสินค้าเข้าไปขายในร้านของตน
                    ปัจจุบันสินค้าของ Sretsis อยู่ในโชว์รูมเมืองแฟชั่นทั่วโลก ทั้งที่นิวยอร์ค ลอนดอน ซิดนีย์ ญี่ปุ่น และมีขายในร้านกว่า 100 แห่ง ทั้งที่รัสเซีย จีน ดูไบ ซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น แบรนด์ Sretsis แจ้งเกิดจากการที่เซเลบริตี้อย่าง "ปารีส ฮิลตัน" ใส่ออกงานแล้วถูกแอบถ่ายรูปไปลง ทำให้ชื่อเสียงของ Sretsis  เป็นที่รู้จัก


นิกกี้ และ ปารีส ฮิลตัน (พี่น้องไฮโซ)
http://women.thaiza.com


                    เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของแบรนด์คือ การไม่อิงกับเทรนด์แฟชั่น จะทำในแบบของตัวเอง ด้วยเหตุผลว่า ลูกค้าของ Sretsis มีอยู่ทั่วโลก แต่ละประเทศจะมีสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ Sretsis ต้องดีไซน์แบบที่สามารถใส่ได้เป็นส่วนใหญ่

               คนดังในต่างประเทศที่ใช้แบรนด์ Sretsis

                    นอกจาก "ปารีส ฮิลตัน" แล้วก็ยังมี "นิกกี้ ฮิลตัน" ที่เป็นคู่พี่น้องไฮโซระดับโลก เซเลบริตี้ ที่เป็นแฟนพันธ์ุแท้ อย่าง "ซูอี้ เดสชาแนล" อินดี้ควีน ได้รีเควสให้ใช้เสื้อผ้าของ Sretsis ในหนังเรื่องที่เธอแสดง นักร้องชื่อังอย่าง "เคที เพอร์รี่" ก็เคยใส่ชุดของ Sretsis ขึ้นแสดงบนเวที "บียอนเซ่ โนวล์" นักร้องดังสไตล์อาร์แอนด์บี ก็ได้ใส่ชุดของ Sretsis  ซึ่งแต่งออกมาได้สวยและเป็นที่ประทับใจ



"ซูอี้ เดสชาแนล"
http://www.magazinedee.com/home/main/magazinedetail/id/22803/


บียอนเซ่ โนวส์
http://dewcherlicious.blogspot.com/p/beyonce_4813.html

เคที เพอร์รี่
http://music.mthai.com/artist/artist-inter/29994.html


          แบรนด์ น้องใหม่ของ Sretsis

                    "Sincerely Yours" และ "Little Sister" พร้อมเปิด flagship store  เต็มรูปแบบแห่งแรกที่
 Tokyo


1
แบรนด์ Sincerely Yours
http://www.lifestyleasia.com/bk/th/style/photo-story/sincerely

มาแล้ว! แบรนด์ลูกสาวของ สเรตซิส พ่อแม่เตรียมตัวเสียเงิน!
แบรนด์ Little Sisterhttp://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9570000121948




เขียนโดย ผศ.ฤดี หลิมไพโรจน์


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การตลาดสินค้าแฟชั่น ผศ.ฤดี
หนังสือการตลาดสินค้าแฟชั่น
สนใจเสื้อผ้าแบรนด์ Ruedee เข้าชมได้ที่

Line:Ruedee_limpairoj
Instagram:Designed by Ruedee









ดีไซเนอร์คนไทยที่โด่งดัง (ก้อย สุวรรณเกต)

"ก้อย สุวรรณเกต" หรือ "นันทิรัตน์ สุวรรณเกต" แบรนด์ไทยขวัญใจเซเลบโลก

          ก้อย เป็นดีไซเนอร์คนไทยที่ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อแบรนด์ และเป็นอีก 1 ดีไซเนอร์คนไทยที่นิตยสารโว้คจัดให้อยู่่ในสิบอันดับดีไซน์ ที่น่าจับตามองมากที่สุด  จากเวที Vogue and the Council of Fashion Designers of America (CEDA) ที่มีแบรนด์กว่า 200 แบรนด์ เมื่อปี 2007 "Koi Suwannagate " เป็นแบรนด์ที่มีราคาเรือนแสนในเมืองลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ที่มีลูกค้าจากเซเลบริตี้ และดาราฮอลลีวู้ด อย่าง มิเชล โอบามา, นิโคล คิดแมน, เดมี มัวร์, โอปราห์ วินฟรีย์

          รูปแบบเสื้อผ้าของก้อย มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ตรงที่เป็นงานที่ละเอียดในเรื่องของสีสัน เนื้อผ้าแคชเมียร์ มีดอกไม้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกชุด กลายเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ วิธีการทำงานของก้อยคือ ไม่มีการสเก็ตซ์ล่วงหน้า แต่ใช้วิธีเอาเสื้อขึ้นหุ่นก่อนเพื่อดูว่าเสื้อแบบนี้จะทำให้เข้ากับรูปร่างผู้หญิงได้อย่างไร จนกระทั่งได้ทรงเสื้อแล้วจึงมาเริ่มงานประดับทีหลัง ก้อยเริ่มต้นจากการนำเสื้อแปลก ๆ หรือเสื้อมือสองมาขึ้นโครงแล้วเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนพอใจ จากวิธีการดังกล่าว ก้อยได้ลองทำขายทีละนิด โดยขายเพื่อนบ้าง ฝากขายในร้านบ้าง ปรากฎว่ามีคนชอบ และเกิดการตอบรับที่ดีมาก

       

ก้อย สุวรรณเกต กับ แอนนา วินทัวร์
http://www.whomagmedia.com/people_content_detail.php?t=thai&t1=people&id=200

          ก้อย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะมัณฑนศิลป์ เอกนิเทศศิลป์ จากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อด้านแฟชั่นที่ Fashion Institute of Design & Merchandising (FIDM) หลังจากสำเร็จการศึกษาได้เดินทางกลับเมืองไทย เพื่อฝึกฝนและเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์กับแบรนด์ดังของไทยอย่าง Jaspal เป็นเวลา 2 ปี แล้วจึงกลับไปเรียนต่อด้านแฟชั่นดีไซน์อีกครั้ง


ก้อย สุวรรณเกต ดีไซเนอร์ไทยชื่อดังจากนิวยอร์ก
ก้อย สุวรรณเกต
http://picpost.postjung.com/222625.html



          จากการกลับไปเรียนครั้งนี้พบว่า งานแปลก ๆ ที่ก้อยทำส่งอาจารย์กลับเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อน ๆ ถึงกลับมีคนขอซื้อ และแนะนำให้ก้อยทำขาย ก้อยเริ่มทำคอลเลคชั่นของตัวเองไปขายที่ร้านไฮเอนด์ในซานฟรานซิสโก ปรากฎว่า 12 ชิ้นแรกขายหมดภายใน 1 สัปดาห์ จนเจ้าของร้านต้องรีออเดอร์ นอกจากนั้นผลงานของก้อยยังได้เข้าไปวางขายร่วมกับแบรนด์ใหญ่อย่าง Comme des Garcons, Dries Van Noten, Jean Paul Gaultier ฯลฯ ที่ห้าง Barneys New York และยังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 10 คอลเล็กชั่นท็อป Spring 2009 จากนิตยสาร Women's Wear Daily (WWD) เทียบเคียงแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Louis Vuitton, Chanel, Dolce & Gabbana, Marc Jacobs หรือ Jil Sander





{#แบรนด02.jpg}{#แบรนด03.jpg}{#แบรนด04.jpg}{#แบรนด05.jpg}
ผลงานของก้อย
http://www.alepaint.com/update_details.php?page=TVRnMg==&cate=TVRnPQ==&file=&chk=1428780834

เขียนโดย Ruedee
สนใจเสื้อผ้าแบรนด์ Ruedee เข้าไปดูได้ที่
website:www.fashionddshop.com
Facebook:Ruedee Limpairoj
FanPage:Designed by Ruedee
Group:คนชอบแต่งตัว
Line:ruedee_limpairoj
Instagram:Designed by Ruedee



   

Designed by Ruedee

ความสำคัญของแฟชั่น

แฟชั่นมีความสำคัญอย่างไร
       
          แนวโน้มของเศรษฐกิจ การเมือง เหตุการณ์สำคัญในปัจจุบัน และสภาพสังคมล้วนมีผลกระทบต่อแฟชั่นทั้งสิ้น การเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นจะส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจและสภาพประชากร แฟชั่นถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งที่สามารถอธิบายถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตได้ นอกจากนี้แฟชั่นยังเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในสังคมบ้างในช่วงเวลานั้น

          จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แฟชั่นและเสื้อผ้ามีบทบาทสำคัญต่อรูปลักษณ์ภายนอกส่วนบุคคล (Personal Appearance) เป็นอย่างมาก รูปลักษณ์ภายนอกจะบ่งบอกถึงฐานะทางสังคม และภาพลักษณ์ส่วนบุคคลของคน ๆ นั้น ในทุก ๆ ระดับของสังคม คนโดยทั่ว ๆ ไปจะเอาใจใส่กับรูปลักษณ์ของตัวเองเพราะว่าจะบ่งบอกถึงสถานภาพที่น่าภาคภูมิใจของตัวเองและส่งผลต่อวิธีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย

          แฟชั่นเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงการหนึ่งของโลก แฟชั่นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับโลก มีบริษัทสินค้าแฟชั่นหลาย ๆ แห่งที่ได้ผลตอบแทนมหาศาลจากอุตสาหกรรมแฟชั่นที่อยู่ในเมืองใหญ่ ๆ อย่าง นิวยอร์ค ลอสแองเจลิส ชิคาโก้ ซานฟรานซิสโก ปารีส มิลาน ลอนดอน และโตเกียว เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมแฟชั่นในนิวยอร์คมียอดขายรวมมากกว่า 14 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นอกจากนี้แฟชั่นยังสร้างรายได้ทางอ้อมให้กับธุรกิจประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น การขนส่ง โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจสินค้าที่มิใช่สินค้าแฟชั่นอื่น ๆ



http://newyorkfashionweeklive.com/new-york-fashion-week-2016




Angel Sanchez 2016 Spring Collection New York City
http://www.examiner.com/article/new-york-fashion-week-blooms-with-angel-sanchez-and-lela-rose

          นอกจากนี้ แฟชั่นสามารถเป็นตัวสะท้อนของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจด้วย เมื่อผู้คนไม่สามารถหาอาหารและที่พักมาตอบสนองตัวเองได้ แฟชั่นก็จะมีความสำคัญน้อยลง ตัวอย่างเช่น ในยุคสงครามหรือช่วงเศรษฐกิจไม่ดี รูปแบบของเสื้อผ้าก็จะเน้นไปที่ความเรียบง่ายและเป็นอนุรักษ์นิยมมากขึ้น ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรืองรูปแบบของเสื้อผ้าก็จะหลากหลายและมีสันสันมากขึ้น

          ประวัติศาสตร์ของการแต่งกายในยุคต่าง ๆ 

          แฟชั่นมักจะเปลี่ยนไปตามสังคม ส่ิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลก อาจกล่าวได้ว่าช่วงเวลาที่ถูกนำมาเป็นแฟชั่น ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่โลกมีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ของโลกเกิดขึ้นมากมาย และอิทธิพลใหญ่ ๆ มักจะมาจากซีกโลกตะวันตกเป็นส่วนใหญ่

          การแต่งกายในยุค 20's (ปี 1920)  Jazz Age


เสื้อผ้าเด็ก แฟชั่นเด็ก ชุดเด็ก Brown as a berry
การแต่งกายในยุค 20
http://www.momypedia.com/index.php?op=blog-detail&bid=117531&id=18975
                    เป็นยุคแห่งความยิ่งใหญ่ของชาติตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกาดีที่สุด เรียกว่ายุค Roaring Twenties ส่งผลไปยังเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น ปารีส ลอนดอน สาว ๆ ในยุค 1920 s พากันฉีกกรอบเดิม ๆ ของการสวมใส่เสื้อผ้า จากที่เป็นทางการมาเป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบายขึ้น ผู้หญิงเร่ิมหันมาใส่กางเกงแบบผู้ชายบ้าง ผู้ชายก็หันไปใส่เสื้อผ้าสำหรับเล่นกีฬา และได้กลายมาเป็นพื้นฐานการแต่งตัวมาจนถึงปัจจุบัน ในยุคดังกล่าวแฟชั่นที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของยุคคือ Flapper dress

Flapper dress
http://www.unique-vintage.com/unique-vintage-1920s-style-emerald-green-beaded-sinclair-flapper-dress.html

       
          การแต่งกายในยุค 40's NewLook (1940-1949)

           เป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้เกิดการรณรงค์ให้ประหยัด  ดีไซเนอร์ยุคนั้นจึงต้องดีไซน์เสื้อผ้าที่ใช้ผ้าน้อย แต่เน้นแบบเก๋ ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งแฟชั่นชั้นสูง (Haute couture) ที่ต้องหาวัตถุดิบในการตกแต่งเสื้อผ้าที่เน้นความประหยัด จนกระทั่ง ปี 1947 เกิดแฟชั่นที่เรียกว่า New Look เป็นผลงานของ Christian Dior  เป็นการดีไซน์ชุดสูทขนาดพอดีตัว เข้ารูป ใส่กับกระโปรงบาน (ซึ่งใช้ผ้าเปลืองมาก)






Dior's New Look
New Look
http://www.fashiontrendsdaily.com/runway-fashion/monday-muse-diors-new-look-inspires-rochas-and-thom-browne




















          การแต่งกายในยุค 50's (ปี 1950-1959) Western Style

          เป็นยุคที่เศรษฐกิจรุุ่งเรือง ชนชั้นกลางและคนทั่วไปเริ่มมีเงิน เป็นยุคที่วัยรุ่นมีเทรนด์แฟชั่นเป็นของตัวเองแล้ว ในช่วงแรกผู้หญิงนิยมกระโปรงทรงดินสอแคบ ๆ เข้ารูป สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของยุคนี้คือกระโปรงบานมาก ความยาวคลุมเข่า ข้างในกระโปรงเสริมผ้าตาข่ายหลาย ๆ ชั้น เพื่อให้กระโปรงพอง เน้นทรวดทรงผู้สวมใส่
         

14398139461439813097
กระโปรงบานมากมีผ้าตาข่ายหลายชั้นในกระโปรง
http://sistacafe.com/gallery/27483

กระโปรงทรงดินสอ
http://sistacafe.com/summaries/2214





          การแต่งกายในยุค 60's (ปี 1960-1969) Mod Look

          เป็นยุคที่นิยมใส่มินิสเกิร์ตหรือเดรส สีเมทัลลิก ใส่ถุงน่องหลายหลายสีและเป็นสีจัดจ้าน เสื้อผ้าออกแนวลายเรขาคณิต ปกเสื้อที่นิยมเรียกว่า Peter Pan Collar หรือในปัจจุบันคือเสื้อคอบัว นางแบบที่ดังมากในยุคนี้คือ Twiggy เป็นผู้นำเทรนด์ทั้งเสื้อผ้าและการแต่งหน้า โดยเฉพาะรูปร่างที่ผอมมาก

แนวลายเรขาคณิต
            http://babananaegg.blogspot.com/2013/08/1795-1815-short-spencer-jacket-1795.html



เน้นสีสันสดใส
http://pantip.com/topic/34366610



ถุงเท้าสีสันสดใส
http://pantip.com/topic/34366610

Twiggy ผู้นำเทรนด์แฟชั่น
http://www.oknation.net/blog/supermodels/2009/02/20/entry-2


          การแต่งกายในยุค 70's (ปี 1970-1979) Hippie
     
          เป็นยุคที่คนเริ่มใช้แฟชั่นในการแสดงออกถึงตัวตน ทำให้เกิดการแต่งตัวในสไตล์ต่าง ๆ เช่น แม็กซี่เดรสยาวกรอมเท้า Hot pants (ชุดสั้น ๆ ) แต่ที่โดดเด่นในยุค 70's คือสไตล์ฮิปปี้ เป็นแนวผสมผสานความเป็น Ethnic style (พื้นเมือง) เด่นที่ลายผ้าที่มีความซับซ้อนแนวตะวันออก สีสันสดใส นอกจากนี้ยังมีรูปแบบแฟชั่นแนวดิสโก้ ที่ได้รับอิทธิพลจากการเต้นรำแบบดิสโก้ ประกอบด้วยผ้าสีทอง ลายเสือดาว กางเกงผ้ายืด แนวพั้งค์เกิดขึ้นในยุคนี้เช่นเดียวกัน เป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่นที่มีรายได้จำกัด เป็นลักษณะของเสื้อผ้าขาด ๆ ชายผ้าหลุดรุ่ย พิมพ์สีเลอะ ๆ 

     

การแต่งตัวสไตล์ฮิปปี้ ยุค 70
http://pirun.ku.ac.th/~b521085519/fas2.html



https://www.google.co.th/search?q=นิวยอร์คแฟชั่นวีค&biw=911&bih=445&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ved=0ahUKEwibwvzAjqHLAhXXCo4KHe1UC1kQsAQI






    การแต่งกายในยุค 80's (ปี 1980)

          ในยุคนี้ผู้หญิงทำงาน มากขึ้น นิยมสวมสูทหรือเสื้อนอกที่มีฟองน้ำเสริมไหล่ ชุดทำงานผู้ชายมีความเป็นลำลองมากขึ้น และมีชุดทำงานรูปแบบอื่น ๆ ด้วยนอกเหนือจากสูทและเน็กไท ในขณะเดียวกันค่านิยมต่อแฟชั่นก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน บรรดาผู้ผลิตหลายรายเริ่มผลิตสินค้าราคาปานกลางแต่มีคุณภาพสูงกันมากขึ้น เป็นยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจกับสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้มีการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ที่ดูแลรักษาง่าย ทนทาน ยืดหยุ่นสูง ถูกนำมาผลิตชุดกีฬากันมากขึ้น 


  การแต่งกายในยุค 90's (ปี1990)

          ในยุคนี้เกิดแฟชั่นที่มีจุดกำเนิดมาจากวัฒนธรรมของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นของยุค 1990 เรียกว่าแนวกรันจ์ (Grunge) เป็นเสื้อผ้าแนวยับยู่ยี่ กระเซอะกระเซิง  ดูเหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจแต่งตัว


แนวกรันจ์
http://sistacafe.com/summaries/2242-GrungeFashion



ข้อมูลจาก:หนังสือ Fashion Marketing (การตลาดสินค้าแฟชั่น) เขียนโดย ผศ.ฤดี หลิมไพโรจน์

ตำราวิชาการตลาดสินค้าแฟชั่น


สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟชั่นเสื้อผ้าได้ที่:
Line: ruedee_limpairoj
Instagram: Designed_by_Ruedee
Phone: 081-6381535





       

Fashion Basics


หลักการพื้นฐานของแฟชั่น

          เพื่อให้เกิดความสำเร็จในวงการแฟชั่น บรรดาดีไซเนอร์ ผู้ผลิต นักการตลาด และผู้ขายสินค้าแฟชั่นต้องมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของสินค้าแฟชั่นก่อน อาทิ รูปแบบ (Style) การออกแบบ (Design) เป็นต้น
       
          รูปแบบ (Style) คือรูปทรงหรือแบบอันเฉพาะเจาะจงของเคร่ื่องแต่งกาย เช่น กระโปรงสั้น (A Mini-Skirt) หรือกางเกงผ้ายืดขอบยางใหญ่(Capri Pants) ซึ่งมีลักษณะที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รูปแบบสามารถกลายเป็นแฟชั่นได้ ถ้ากลายเป็นที่นิยมชมชอบในวงกว้าง และยังคงมีความเป็นแฟชั่นไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังคงได้รับการยอมรับอยู่ในขณะที่กระแสแฟชั่นเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แต่ รูปแบบ ก็ยังคงมีอยู่ไม่หายไปไหน เคร่ื่องแต่งกายบางรูปแบบอย่างกระโปรงสั้นอาจจะได้รับความนิยมและเสื่อมความนิยมได้ แต่ถ้ายังคงรักษาตัวตนไว้ได้ในฐานะที่เป็นรูปแบบหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเคร่ืองแต่งกาย มีปัจจัยภายนอกมากมายที่มีผลกระทบต่อรูปแบบไม่ว่าจะเป็น สภาพทางสังคม ปัจจัยทางเทคโนโลยี กฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ สภาพการแข่งขัน และสภาพเศรษฐกิจ

          การออกแบบ (Design) แม้ว่าคำว่ารูปแบบ กับคำว่าการออกแบบบางครั้งอาจจะมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แต่คำทั้งสองคำนี้ก็มีความหมายแตกต่างกัน การออกแบบถือว่าเป็นด้านหนึ่งของรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ การออกแบบประกอบด้วยส่วนประกอบที่สำคัญ 4 อย่าง ได้แก่ สี ลายเส้น รูปทรง และเนื้อผ้า การออกแบบเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาวงการแฟชั่นเพราะมันคือการกำหนดรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้าที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้วว่าจะให้ออกมามีหน้าตาเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น เสื้อกันหนาวคอวี เป็นรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง แต่เสื้อกันหนาวคอวีก็มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับสีที่ใช้ เนื้อผ้า หรือความยาวของแขนเสื้อ
                สี เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการออกแบบและอาจจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ ลูกค้าร้านเสื้อผ้าอาจจะเลือกซ้ือโดยพิจารณาที่สีเป็นหลัก
               ลายเส้น (Line) เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการออกแบบที่เป็นตัวกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวสายตาของผู้พบเห็น ลายเส้นสามารถกำกับให้สายตาของผู้พบเห็นมองขึ้น มองลง มองจากข้างหนึ่งไปข้างหนึ่ง หรือมองวนรอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ รายละเอียดโครงสร้างของเสื้อผ้าบางอย่าง เข่น ตะเข็บ ก็เป็นตัวสร้างลายเส้นได้เช่นกัน ความนิยมของลายเส้นทั้งที่เป็นโครงสร้างหลักของเสื้อผ้า ่และเป็นลูกเล่นประดับเสื้อผ้าต่างก็เปลี่ยนแปลงขึ้น ๆ ลง ๆ ไปตามกระแสของแฟชั่น
               รูปทรง (Shape) เป็นโครงร่างโดยรวมของเสื้อผ้า บ่อยครั้งที่รูปทรงจะเป็นส่วนสำคัญของการออกแบบที่อยู่ในจิตใจของบรรดานักออกแบบเสื้อผ้า ผู้ผลิต และผู้ขายเป็นอย่างมาก รูปทรงเป็นมิติที่สามของเคร่ิ่องแต่งกาย เคริื่องประดับ หรือรองเท้า ในวงการแฟชั่น รูปทรงมี 3 แบบ คือ ทรงตรง (Straight หรือ Tubular) ทรงกระดิ่ง (Bell-Shaped หรือ Bouffant) และทรงเข้ารูป (Bustle Shape หรือ Back Full) 
               เนื้อผ้า (Texture) เป็นตัวบ่งบอกถึงพื้นผิวของวัสดุที่ใช้ตัดเย็บ หรือใยผ้า ซึ่งจะเป็นตัวแสดงอารมณ์และภาพลักษณ์ของเสื้อผ้า เส้นใย เส้นด้าย และวิธีการถักทอเส้นใย จะเป็นตัวกำหนดลักษณะของเนื้อผ้า เนื้อผ้ามีหลายลักษณะ ได้แก่ เรียบ หยาบ ด้าน มันวาว ละเอียด โปร่ง มีขน หรือลีบแบน เนื้อผ้าจะมีผลต่อรูปร่างของผู้สวมใส่ อาจทำให้ผู้สวมใส่แลดูตัวหนาขึ้น หรือบางลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับความหยาบหรือความเรียบของผู้ที่ใช้ เนื้อผ้ายังส่งผลต่อการท้ิงตัวของเสื้อผ้าชุดนั้นด้วย เนื้อผ้าที่มีเส้นใยโปร่งจะทำให้เสื้อผ้าแลดูเบาบาง ในขณะที่เนื้อผ้าที่มีเส้นใยหนาทึบจะเหมาะกับการตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับใส่ในงานที่เป็นทางการมากกว่า
       
ข้อมูล:หนังสือ Fashion Marketing การตลาดสินค้าแฟชั่น ผศ.ฤดี  หลิมไพโรจน์ (ผู้เขียน)
สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
Facebook: Designed by Ruedee
Fan Page: เสื้อผ้าสาวออฟฟิส
Group: เสื้อผ้าเรียบหรูในราคาที่จับต้องได้
Website: www.fashionddshop.com
Line: ruedee_limpairoj
Instagram: Designed_by_Ruedee
Phone: 081-6381535
       

Fashion คือ?


          แฟชั่น เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษว่า Fashion ราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคำนี้ว่า "สมัยนิยมหรือวิธีการที่นิยมกันทั่วไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง" เป็นการยอมรับจนเกิดเป็นค่านิยม มีกระบวนการเกิดภาษาใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากคำว่า "วิวัฒนาการ" ที่ทฤษฏีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ระบุไว้ว่าวิวัฒนาการคือ การเปลี่ยนแปลงที่ต้องใช้เวลายาวนานและสามารถถ่ายทอดสิ่งนั้นไปสู่ลูกหลานได้ โดยมากแล้วคำว่าแฟชั่นมักมีความหมายเกี่ยวกับการแต่งตัว (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

          คุณภาณุ  อิงคะวัต เจ้าของแบรนด์เกรย์ฮาวด์ มองว่า แฟชั่นคือ กระแสนิยมที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาและยุคสมัยซึ่งมันอาจเกิดขึ้นมาจากกระแสสังคม การกิน การอยู่ การใช้คำพูด เสื้อผ้า เพียงแต่คนทั่วไปมักเอาคำว่าแฟชั่นมารวมกับเสื้อผ้ากันมาก แต่จริง ๆ แล้วแฟชั่นคือ "เทรนด์" แฟชั่นไม่ได้มีความหมายเดียวตายตัว แต่จะแตกต่างกันไปสำหรับคนแต่ละกลุ่ม แต่ละช่วงเวลา แต่ละสถานที่หรือบริบท ยกตัวอย่างเช่น เด็กวัยรุ่นในกรุงเทพฯ กับแม่บ้านอาศัยอยู่ต่างจังหวัด ในระดับประเทศหรือสังคม แฟชั่นเป็นมากกว่าเสื้อผ้ามันหมายถึง วิถีการดำรงชีวิต การบริโภค มุมมอง ไม่ได้เป็นแค่เสื้อผ้า มันสามารถเป็นรถยนต์ โทรศัพท์ และอื่น ๆ อีก

          อีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจจากคุณจรินทร์ทิพย์ ชูหมื่นไวย Curator แห่ง TCDC ที่เคยผ่านงานจัดนิทรรศการ PRESENCE OF THE PAST คอลเล็คชั่นเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2008 ในพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณวรีนารีรัตน์ คุณจรินทร์ทิพย์กล่าวว่า "แฟชั่นคือ การสื่อสารที่ไม่ต้องใช้คำพูด (Non Verbal Communications) ส่ิงที่เป็นแฟชั่นสามารถสะท้อนความเป็นเพศ สถานะทางสังคม ฐานะ อาชีพ ความต้องการรสนิยม เผ่าพันธุ์ เชืั้อชาติ ความเป็นกลุ่มก้อน ฯลฯ

          องค์ประกอบที่ทำให้เกิดแฟชั่น
1.  ได้รับการยอมรับในสังคม
2.  มีต้นแบบที่เข้มแข็ง มีสื่อ มีการเลียนแบบ ทำตามเป็นกลุ่ม จากสังคมชั้นสูงสู่สังคมระดับล่าง หรือ ในสังคมระดับเดียวกันหากเกิดการยอมรับ
3.  เกิดขึ้นและหายไปในช่วงเวลาอันสั้น

          แฟชั่นจะเกิดเป็นจริงเป็นจังได้ในสังคมที่เปิด มีการสื่อสารที่อำนวยเป็นช่องทางกระจายที่ทำให้เกิดการเลียนแบบ โดยในโลกแห่งการแสวงหาผู้บริโภคกลุ่มซึ่งมีอำนาจในการซื้อสูง มักเลือกใช้สินค้าและไลฟ์สไตล์เป็นต้นแบบ คนทั่วไปใช้พฤติกรรมต่าง ๆ ของชนชั้นอีกระดับ เติมเต็มส่ิ่งที่โหยหา อาจใช้เป็นเคร่ื่องมือเลื่อนระดับชั้นทางสังคม โดยมีความเชื่อว่าตัวเองเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เช่น การใช้สินค้าแบร์นเนม สินค้าไฮเทคโนโลยี เพื่อบ่งบอกสถานะของตนว่าทันสมัย

ที่มา:ตำราวิชา Fashion Marketing  (การตลาดสินค้าแฟชั่น) เขียนโดย ผศ.ฤดีหลิมไพโรจน์

ตำราวิชาการตลาดสินค้าแฟชั่น

ผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องเสื้อผ้าการแต่งกายสามารถเข้าชมได้ที่
website:http://www.fashionddshop.com/
FanPage: Designed by Ruedee
Facebook:Ruedee Limpairoj
Group:คนชอบแต่งตัว
Instagram:ruedee_limpairoj
Phone:081-6381535