ความสำคัญของแฟชั่น

แฟชั่นมีความสำคัญอย่างไร
       
          แนวโน้มของเศรษฐกิจ การเมือง เหตุการณ์สำคัญในปัจจุบัน และสภาพสังคมล้วนมีผลกระทบต่อแฟชั่นทั้งสิ้น การเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นจะส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจและสภาพประชากร แฟชั่นถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งที่สามารถอธิบายถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตได้ นอกจากนี้แฟชั่นยังเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในสังคมบ้างในช่วงเวลานั้น

          จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แฟชั่นและเสื้อผ้ามีบทบาทสำคัญต่อรูปลักษณ์ภายนอกส่วนบุคคล (Personal Appearance) เป็นอย่างมาก รูปลักษณ์ภายนอกจะบ่งบอกถึงฐานะทางสังคม และภาพลักษณ์ส่วนบุคคลของคน ๆ นั้น ในทุก ๆ ระดับของสังคม คนโดยทั่ว ๆ ไปจะเอาใจใส่กับรูปลักษณ์ของตัวเองเพราะว่าจะบ่งบอกถึงสถานภาพที่น่าภาคภูมิใจของตัวเองและส่งผลต่อวิธีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย

          แฟชั่นเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงการหนึ่งของโลก แฟชั่นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับโลก มีบริษัทสินค้าแฟชั่นหลาย ๆ แห่งที่ได้ผลตอบแทนมหาศาลจากอุตสาหกรรมแฟชั่นที่อยู่ในเมืองใหญ่ ๆ อย่าง นิวยอร์ค ลอสแองเจลิส ชิคาโก้ ซานฟรานซิสโก ปารีส มิลาน ลอนดอน และโตเกียว เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมแฟชั่นในนิวยอร์คมียอดขายรวมมากกว่า 14 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นอกจากนี้แฟชั่นยังสร้างรายได้ทางอ้อมให้กับธุรกิจประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น การขนส่ง โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจสินค้าที่มิใช่สินค้าแฟชั่นอื่น ๆ



http://newyorkfashionweeklive.com/new-york-fashion-week-2016




Angel Sanchez 2016 Spring Collection New York City
http://www.examiner.com/article/new-york-fashion-week-blooms-with-angel-sanchez-and-lela-rose

          นอกจากนี้ แฟชั่นสามารถเป็นตัวสะท้อนของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจด้วย เมื่อผู้คนไม่สามารถหาอาหารและที่พักมาตอบสนองตัวเองได้ แฟชั่นก็จะมีความสำคัญน้อยลง ตัวอย่างเช่น ในยุคสงครามหรือช่วงเศรษฐกิจไม่ดี รูปแบบของเสื้อผ้าก็จะเน้นไปที่ความเรียบง่ายและเป็นอนุรักษ์นิยมมากขึ้น ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรืองรูปแบบของเสื้อผ้าก็จะหลากหลายและมีสันสันมากขึ้น

          ประวัติศาสตร์ของการแต่งกายในยุคต่าง ๆ 

          แฟชั่นมักจะเปลี่ยนไปตามสังคม ส่ิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลก อาจกล่าวได้ว่าช่วงเวลาที่ถูกนำมาเป็นแฟชั่น ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่โลกมีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ของโลกเกิดขึ้นมากมาย และอิทธิพลใหญ่ ๆ มักจะมาจากซีกโลกตะวันตกเป็นส่วนใหญ่

          การแต่งกายในยุค 20's (ปี 1920)  Jazz Age


เสื้อผ้าเด็ก แฟชั่นเด็ก ชุดเด็ก Brown as a berry
การแต่งกายในยุค 20
http://www.momypedia.com/index.php?op=blog-detail&bid=117531&id=18975
                    เป็นยุคแห่งความยิ่งใหญ่ของชาติตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกาดีที่สุด เรียกว่ายุค Roaring Twenties ส่งผลไปยังเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น ปารีส ลอนดอน สาว ๆ ในยุค 1920 s พากันฉีกกรอบเดิม ๆ ของการสวมใส่เสื้อผ้า จากที่เป็นทางการมาเป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบายขึ้น ผู้หญิงเร่ิมหันมาใส่กางเกงแบบผู้ชายบ้าง ผู้ชายก็หันไปใส่เสื้อผ้าสำหรับเล่นกีฬา และได้กลายมาเป็นพื้นฐานการแต่งตัวมาจนถึงปัจจุบัน ในยุคดังกล่าวแฟชั่นที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของยุคคือ Flapper dress

Flapper dress
http://www.unique-vintage.com/unique-vintage-1920s-style-emerald-green-beaded-sinclair-flapper-dress.html

       
          การแต่งกายในยุค 40's NewLook (1940-1949)

           เป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้เกิดการรณรงค์ให้ประหยัด  ดีไซเนอร์ยุคนั้นจึงต้องดีไซน์เสื้อผ้าที่ใช้ผ้าน้อย แต่เน้นแบบเก๋ ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งแฟชั่นชั้นสูง (Haute couture) ที่ต้องหาวัตถุดิบในการตกแต่งเสื้อผ้าที่เน้นความประหยัด จนกระทั่ง ปี 1947 เกิดแฟชั่นที่เรียกว่า New Look เป็นผลงานของ Christian Dior  เป็นการดีไซน์ชุดสูทขนาดพอดีตัว เข้ารูป ใส่กับกระโปรงบาน (ซึ่งใช้ผ้าเปลืองมาก)






Dior's New Look
New Look
http://www.fashiontrendsdaily.com/runway-fashion/monday-muse-diors-new-look-inspires-rochas-and-thom-browne




















          การแต่งกายในยุค 50's (ปี 1950-1959) Western Style

          เป็นยุคที่เศรษฐกิจรุุ่งเรือง ชนชั้นกลางและคนทั่วไปเริ่มมีเงิน เป็นยุคที่วัยรุ่นมีเทรนด์แฟชั่นเป็นของตัวเองแล้ว ในช่วงแรกผู้หญิงนิยมกระโปรงทรงดินสอแคบ ๆ เข้ารูป สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของยุคนี้คือกระโปรงบานมาก ความยาวคลุมเข่า ข้างในกระโปรงเสริมผ้าตาข่ายหลาย ๆ ชั้น เพื่อให้กระโปรงพอง เน้นทรวดทรงผู้สวมใส่
         

14398139461439813097
กระโปรงบานมากมีผ้าตาข่ายหลายชั้นในกระโปรง
http://sistacafe.com/gallery/27483

กระโปรงทรงดินสอ
http://sistacafe.com/summaries/2214





          การแต่งกายในยุค 60's (ปี 1960-1969) Mod Look

          เป็นยุคที่นิยมใส่มินิสเกิร์ตหรือเดรส สีเมทัลลิก ใส่ถุงน่องหลายหลายสีและเป็นสีจัดจ้าน เสื้อผ้าออกแนวลายเรขาคณิต ปกเสื้อที่นิยมเรียกว่า Peter Pan Collar หรือในปัจจุบันคือเสื้อคอบัว นางแบบที่ดังมากในยุคนี้คือ Twiggy เป็นผู้นำเทรนด์ทั้งเสื้อผ้าและการแต่งหน้า โดยเฉพาะรูปร่างที่ผอมมาก

แนวลายเรขาคณิต
            http://babananaegg.blogspot.com/2013/08/1795-1815-short-spencer-jacket-1795.html



เน้นสีสันสดใส
http://pantip.com/topic/34366610



ถุงเท้าสีสันสดใส
http://pantip.com/topic/34366610

Twiggy ผู้นำเทรนด์แฟชั่น
http://www.oknation.net/blog/supermodels/2009/02/20/entry-2


          การแต่งกายในยุค 70's (ปี 1970-1979) Hippie
     
          เป็นยุคที่คนเริ่มใช้แฟชั่นในการแสดงออกถึงตัวตน ทำให้เกิดการแต่งตัวในสไตล์ต่าง ๆ เช่น แม็กซี่เดรสยาวกรอมเท้า Hot pants (ชุดสั้น ๆ ) แต่ที่โดดเด่นในยุค 70's คือสไตล์ฮิปปี้ เป็นแนวผสมผสานความเป็น Ethnic style (พื้นเมือง) เด่นที่ลายผ้าที่มีความซับซ้อนแนวตะวันออก สีสันสดใส นอกจากนี้ยังมีรูปแบบแฟชั่นแนวดิสโก้ ที่ได้รับอิทธิพลจากการเต้นรำแบบดิสโก้ ประกอบด้วยผ้าสีทอง ลายเสือดาว กางเกงผ้ายืด แนวพั้งค์เกิดขึ้นในยุคนี้เช่นเดียวกัน เป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่นที่มีรายได้จำกัด เป็นลักษณะของเสื้อผ้าขาด ๆ ชายผ้าหลุดรุ่ย พิมพ์สีเลอะ ๆ 

     

การแต่งตัวสไตล์ฮิปปี้ ยุค 70
http://pirun.ku.ac.th/~b521085519/fas2.html



https://www.google.co.th/search?q=นิวยอร์คแฟชั่นวีค&biw=911&bih=445&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ved=0ahUKEwibwvzAjqHLAhXXCo4KHe1UC1kQsAQI






    การแต่งกายในยุค 80's (ปี 1980)

          ในยุคนี้ผู้หญิงทำงาน มากขึ้น นิยมสวมสูทหรือเสื้อนอกที่มีฟองน้ำเสริมไหล่ ชุดทำงานผู้ชายมีความเป็นลำลองมากขึ้น และมีชุดทำงานรูปแบบอื่น ๆ ด้วยนอกเหนือจากสูทและเน็กไท ในขณะเดียวกันค่านิยมต่อแฟชั่นก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน บรรดาผู้ผลิตหลายรายเริ่มผลิตสินค้าราคาปานกลางแต่มีคุณภาพสูงกันมากขึ้น เป็นยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจกับสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้มีการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ที่ดูแลรักษาง่าย ทนทาน ยืดหยุ่นสูง ถูกนำมาผลิตชุดกีฬากันมากขึ้น 


  การแต่งกายในยุค 90's (ปี1990)

          ในยุคนี้เกิดแฟชั่นที่มีจุดกำเนิดมาจากวัฒนธรรมของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นของยุค 1990 เรียกว่าแนวกรันจ์ (Grunge) เป็นเสื้อผ้าแนวยับยู่ยี่ กระเซอะกระเซิง  ดูเหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจแต่งตัว


แนวกรันจ์
http://sistacafe.com/summaries/2242-GrungeFashion



ข้อมูลจาก:หนังสือ Fashion Marketing (การตลาดสินค้าแฟชั่น) เขียนโดย ผศ.ฤดี หลิมไพโรจน์

ตำราวิชาการตลาดสินค้าแฟชั่น


สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟชั่นเสื้อผ้าได้ที่:
Line: ruedee_limpairoj
Instagram: Designed_by_Ruedee
Phone: 081-6381535





       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น